มีคำถามว่าครีม (Cream) กับโลชั่น (Lotion) สำหรับทาผิวมีความแตกต่างกันอย่างไร คำตอบ คือ ครีมสำหรับทาผิวมีความหนืดของเนื้อครีมมากกว่าโลชั่น สำหรับคนที่มีผิวมันจึงเหมาะกับโลชั่นทาผิวมากกว่า เพราะไม่ทำให้เหนียวหนืดหรือเพิ่มความมันให้ผิว อีกทั้งโลชั่นทาผิวยังซึมเข้าสู่ผิวหนังได้มากกว่าและรวดเร็วกว่าครีม เพราะโลชั่นทาผิวมีส่วนประกอบของน้ำที่สามารถซึมผ่านผิวได้ดี
ในแต่ละวันคนเราสูญเสียน้ำออกจากร่างกายประมาณวันละ 2-2.5 ลิตร ซึ่งก็ราวๆ 7-8 แก้ว ดังจะเห็นมีคำแนะนำว่าคนเราควรดื่มในแต่ละวันให้ได้ปริมาณดังกล่าวซึ่งในจำนวนนี้มีบางส่วนที่สูญเสียออกทางผิวหนัง เมื่อเราสูญเสียน้ำมากๆ จะทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นซึ่งนั่นเป็นสาเหตุให้ผิวเกิดริ้วรอยได้ง่าย จึงทำให้ผิวดูแก่ก่อนวัย ทางเลือกที่จะปกป้องไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำมากเกินไปคือ การทาโลชั่นปกป้องผิวไม่ให้ขาดความยืดหยุ่นจนเกิดริ้วรอย
นอกจากเราต้องการปกป้องผิวไม่ให้ขาดความยืดหยุ่นแล้ว ปัจจุบันการใช้โลชั่นทาผิวยังหวังผลในเรื่องผิวขาว กระจ่างใส โลชั่นในปัจจุบันจึงมีสูตรเพื่อผิวขาว นับว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ที่รักผิวอยากปกป้องผิวให้นุ่มนวลและมีผิวขาวควบคู่กัน
ประเภทของโลชั่นทาผิวขาว
1. โลชั่นสกัดจากสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ปัจจุบันมีการนำเอาจุดเด่นของสมุนไพรหลายชนิดมาผสมในโลชั่นทาผิว โดยเฉพาะสมุนไพรที่เน้นเรื่องทำให้ผิวขาว เช่น
1.1 โลชั่นสกัดจากสมุนไพรมะหาด สารสกัดจากแก่นมะหาดมีสารชื่อ ออกซีเรสเวอราทอล (Oxyresveratrol) เป็นสารที่ช่วยลดความเข้มของเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสี จึงทำให้รอยดำคล้ำจางลง ผิวจึงดูขาวขึ้น
1.2 โลชั่นสกัดจากมะขาม ในมะขามมีสาร AHA (Alpha Hydroxy Acids) สารตัวนี้มีคุณสมบัติในการขจัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ใหม่ และมีวิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยให้ผิวขาวใส
1.3 โลชั่นสกัดจากแตงกวา ในแตงกว่าอุดมด้วยวิตามินอี (Vitamin E) ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี (Ultraviolet) นอกจากนี้วิตามินอียังช่วยลดรอยดำคล้ำให้จางลง ผิวจึงขาวใสขึ้น
1.4 โลชั่นสกัดจากสมุนไพรว่านหางจระเข้ สมุนไพรชนิดนี้ไม่ได้ทำให้ผิวขาวโดยตรง แต่ด้วยคุณสมบัติของสารอะล็อกทิน เอ (Aloctin A) ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ผิวเก่าและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้นและใสขึ้น
1.5 โลชั่นสกัดจากใบบัวบก สมุนไพรชนิดนี้ไม่ได้ทำให้ผิวขาวโดยตรงเช่นเดียวกับสมุนไพรว่านหางจระเข้ แต่ด้วยคุณสมบัติของสารกลูโคไซด์ (Glucosides) ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอิลาสติน (Elastin) จึงช่วยให้มีการผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้นจึงทำให้ผิวใหม่ดูผิวขาวใสขึ้น
1.6 โลชั่นสกัดจากรากชะเอมเทศ สารสกัดนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ลิโคไรซ์ (Licorice) โดยมีสารชื่อ เกล บาร์ดีน (Glabridin) เป็นหนึ่งในสารกลุ่มนี้ มีคุณสมบัติในการยับยั้งเอ็นไซม์ไทโรซิเนส(TyrosinaseEnzyme) ที่เป็นตัวทำให้เกิดเม็ดสี จึงทำให้การสร้างเม็ดสีลดลง ผิวจึงดูขาวขึ้น
1.7 โลชั่นสกัดจากน้ำมันรำข้าว ประกอบด้วยวิตามินอี ที่มีสารในกลุ่ม แอลฟ่า โทโคฟีรอล (Alpha-Tocopherol) และแกมม่า-ออริซานอล (Gamma Oryzanol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งมีโอเมก้า 6 (Omega 6) และเซราไมด์ (Ceramide) ช่วยยับยั้งการสังเคราะห์เมลานินที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวหนัง ทำให้ผิวขาวขึ้น
1.8 โลชั่นสกัดจากชาเขียว ปัจจุบันมีเครื่องสำอางยี่ห้อดังหลายยี่ห้อ ที่ผลิตโลชั่นสกัดจากชาเขียวที่มีสารชื่อโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง สารชนิดนี้ช่วยลดการที่เซลล์ถูกทำลายจากมลภาวะในสภาพแวดล้อม ที่เป็นสาเหตุให้ผิวสะสมความหมองคล้ำ จึงทำให้ผิวค่อยๆขาวกระจ่างใสขึ้น
1.9 โลชั่นสกัดจากเปลือกสน สารสกัดตัวนี้มีชื่อว่า พิกโนจีนอล (Pycnogenol) เป็นชื่อจดทะเบียนการค้าของบริษัทผู้วิจัย ซึ่งสารนี้ก็คือ OPC (OligomericProanthocyanidins) เป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในเมล็ดองุ่นสกัดช่วยลดการสร้างเมลานิน จึงทำให้รอยดำคล้ำจางลง อีกทั้งยังกระตุ้นการผลัดเซลล์ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจึงเผยผิวใหม่ที่ขาวใสขึ้น
1.10 โลชั่นสกัดจากเมล็ดองุ่น มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อ ฟราโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งสารชนิดนี้ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซี (Vitamin C) 20 เท่า และมากกว่าวิตามินอี (Vitamin E) 50 เท่า มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำให้เซลล์ผิวเก่าถูกผลัดออกเร็วขึ้นส่งผลให้ผิวใหม่ขาวขึ้นกว่าเดิม
1.11 โลชั่นสกัดจากมะเขือเทศ มีสารสกัดชื่อ ไลโคปีน (Lycopene) มีผลในการช่วยลดการสร้างเมลานิน (Melanin) จึงทำให้ผิวที่หมองคล้ำจางลง ช่วยให้ผิวขาวใสขึ้น
2. โลชั่นที่มีสารสกัดจากห้องปฏิบัติการเคมี เช่น
2.1 สารสกัดจากวิตามินซี (Vitamin C) โลชั่นทาผิวขาวแทบทุกชนิดจะมีสารสกัดจากวิตามินซี ซึ่งวิตามินตัวนี้ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ออกฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวใหม่ขาวใสขึ้น
2.2 สารสกัดจากวิตามินอี (Vitamin E) วิตามินตัวนี้จะทำหน้าที่ส่งเสริมการทำงานของวิตามินเอ และซี ช่วยดูดซับอนุมูลอิสระที่เป็นตัวทำให้ผิวหมอง อีกทั้งยังช่วยต้านรังสียูวีที่เป็นสาเหตุให้ผิวหมองคล้ำ ช่วยลดรอยคล้ำ ทำให้ผิวใหม่ขาวขึ้น
2.3 สารสกัดโคเอ็นไซม์คิวเทน (Co-Enzyme Q 10: Ubiquinone) สารตัวนี้มีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น กระตุ้นให้การผลัดเซลล์ผิวเก่าออกเร็วขึ้นและเผยผิวใหม่ที่ขาวกว่าเดิม
2.4 สารสกัดกลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารที่มีชื่อเสียงในเรื่องช่วยให้ผิวขาว โดยกลไกของกลูต้าไธโอนจะไปยับยั้งการสร้างเอ็นไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ที่เป็นตัวสร้างเมลานิน (Melanin) ทำให้เม็ดสีมีจำนวนลดลงจึงลดการเกิดรอยดำคล้ำ กระ ฝ้า ผิวจึงขาวขึ้น
2.5 สารสกัดจากสารซีลีเนียม (Selenium) สารตัวนี้อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกันแต่จัดเป็นแร่ธาตุในกลุ่มต้านอนุมูลอิสระ มีความพิเศษกว่าวิตามินหรือแร่ธาตุตัวอื่น คือ สามารถนำสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายจะกำจัดทิ้งกลับมาใช้ใหม่ได้ ทั้งกลูต้าไธโอน วิตามิซี วิตามินอี ซึ่งวิตามินเหล่านี้ช่วยทำให้ผิวขาวใสขึ้นดังที่กล่าวข้างต้น
อย่างไรก็ดีการใช้โลชั่นทาผิวขาวก็ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะปัจจุบันมีการโฆษณาโลชั่นที่ช่วยให้ผิวขาวได้อย่างรวดเร็วทันใจซึ่งอาจเป็นอันตราย ข้อควรคำนึงในการเลือกซื้อโลชั่นทาผิวขาวมีดังนี้
1. ต้องผ่านการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา หรือ อย.
2. ฉลากผลิตภัณฑ์ต้องบอกวันที่ผลิต วันหมดอายุ ที่ตั้งผู้ผลิตชัดเจน รวมทั้งมีเบอร์โทรศัพท์สายตรงของผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภคสามารถสอบโทรศัพท์ถามได้
3. หากมีการโฆษณาว่าขาวไว ขาวภายในไม่กี่สัปดาห์ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะโลชั่นทาผิวขาวต้องใช้เวลา 1-3 เดือน ในการผลัดผิวเก่าอย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย หากโลชั่นชนิดใดที่ทำให้ผิวขาวไวอาจประกอบด้วยสารปรอท (Mercury) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สเตอรอยด์ (Steroid) หรือสารฟอกขาวซึ่งล้วนเป็นอันตรายต่อผิว นอกจากการใช้โลชั่นทาผิวขาวเพื่อหวังผลให้มีผิวขาวกระจ่างแล้ว อย่าลืมหลีกเลี่ยงแสงแดด หากจำเป็นควรใช้ครีมหรือโลชั่นกันแดดเพื่อป้องกันความหมองคล้ำที่เกิดซ้ำ ทำให้โลชั่นทาผิวขาวไม่ได้ผลอีกทั้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพซึ่งอาจเห็นผลช้าแต่ว่าปลอดภัย และให้ผลในด้านผิวขาวถาวรกว่าโลชั่นชนิดที่โฆษณาว่าเห็นผลผิวขาวไวแต่ก่ออันตรายมากมาย
แสดงความคิดเห็น