ครีมบำรุงผิวหน้าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูผิวหน้าที่ขาดไม่ได้เลยในทุกวัยไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะผิวหน้าเป็นสิ่งแรกที่คนเราจะพบเจอกันจะสร้างความประทับใจหรือไม่ประทับใจผิวหน้าก็เป็นสิ่งสำคัญข้อหนึ่ง คงไม่มีใครอยากมีผิวหน้าหมองคล้ำ เต็มไปด้วยสิว ริ้วรอย หรือหน้ามันเยิ้ม ครีมบำรุงผิวหน้าจึงเป็นเครื่องสำอางที่คนเราต้องใช้ทุกวัน
ก่อนจะเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เราควรมาทำความรู้จักผิวของเราเสียก่อน ผิวของคนเราต้องการการดูแลและใช้ครีมบำรุงแตกต่างกันไปตามลักษณะของผิว เพราะผิวแต่ละคนมีความแตกต่าง เราจึงจำแนกผิวออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. ผิวธรรมดา เป็นผิวที่ง่ายต่อการดูแล ไม่ค่อยมีปัญหาผิวเช่นผิวประเภทอื่น รูขุมขนละเอียด ไม่มีปัญหาผิวหน้ามันเยิ้ม หรือแห้งจนเกิดริ้วรอย
ผิวประเภทนี้เลือกใช้ครีมบำรุงได้ง่าย เพียงมีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) ทาบำรุงตอนเช้าและก่อนนอน ระหว่างวันที่ต้องออกไปมีกิจกรรมกลางแจ้งใช้ครีมทากันรังสียูวี (Ultraviolet) เพียงเท่านี้คนที่มีผิวธรรมดาก็มีผิวหน้าสดใสแล้ว
2. ผิวมัน เป็นผิวที่เกิดสิวง่าย รวมทั้งหลังเป็นสิวยังตามมาด้วยรอยแดง รอยดำจากสิวเนื่องจากรูขุมขนกว้างการขับน้ำมันจากผิวจึงมาก ผิวไม่เรียบเนียน
เนื่องจากผิวมันเป็นผิวที่เกิดสิวได้ง่าย ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันเลย (Oil free) ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำให้มาก (Water-based) และถ้าเป็นชนิดไม่ก่อสิว (Non-comedogence) จะยิ่งดี แต่คนที่มีผิวมันอย่าเพิ่งน้อยใจไป เพราะผู้ที่มีผิวชนิดนี้จะมีริ้วรอยตามวัยช้ากว่าผู้ที่มีผิวแห้ง
3. ผิวแห้ง เป็นผิวที่เรียบเนียน ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสิว แต่ผิวแห้งจะสูญเสียน้ำทางผิวได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผิวเป็นขุยได้บ่อยๆ จึงเกิดริ้วรอยได้ง่ายเนื่องจากผิวขาดความยืดหยุ่น
สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งไม่ควรล้างหน้าบ่อยจนเกินไปหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ผิวแห้งมากขึ้น ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ อาจใช้ครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันต่างๆ เพื่อกักน้ำไว้ที่ผิว แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ (Alcohol) เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งจนเกิดริ้วรอย
4. ผิวผสม ผิวประเภทนี้เกิดสิวและรอยแดง รอยดำจากสิวได้ง่ายในบริเวณที่มีน้ำมันมาก และเกิดริ้วรอยได้ง่ายในส่วนที่ผิวแห้งเป็นผิวที่ดูแลยากและคนไทยพบผิวประเภทนี้มาก
ในปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อคนที่มีผิวผสมมากขึ้น แต่สิ่งที่ผู้ที่มีผิวผสมต้องระวังคือ การเลือกใช้ครีมที่มีความมันทาบริเวณทีโซน หรือบริเวณที่มีความมันเพราะจะก่อสิว ส่วนบริเวณโหนกแก้มควรต้องระวังเรื่องความแห้งกร้าน ผิวไม่ยืดหยุ่น เพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย
5. ผิวบอบบางแพ้ง่าย นับเป็นผิวที่หาครีมให้เหมาะสมกับผิวยาก เพราะคอยแต่จะแพ้อยู่ร่ำไป อาการแพ้อาจพบผื่น คัน เป็นสิว หรืออาจมีผื่นแดงเห่อทั้งหน้า
ผิวชนิดนี้หาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยาก ควรเลือกชนิดไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเด็กเพราะจะมีความอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า
รูปแบบครีมบำรุงผิวในปัจจุบันไม่ได้มีรูปแบบเดียวที่เป็นครีม แต่มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกเพื่อผลต่อการดูแลที่เฉพาะขึ้น
1. ชนิดเป็นครีมข้น (Cream) เนื้อครีมส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของน้ำมันทำให้เนื้อครีมยึดกัน เหนียวข้น เมื่อทาที่ผิวอาจซึมลงสู่ผิวได้ช้า แต่ช่วยลดความหยาบกร้านและป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิวได้มากเหมาะกับผิวธรรมดา ผิวแห้ง
2. ชนิดโลชั่น (Lotion) ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะมีลักษณะเหลวกว่าแบบครีม เนื้อโลชั่นซึมลงสู่ผิวได้เร็วกว่าแบบครีมเหมาะกับผู้มีผิวธรรมดา แต่มีสูตรไม่ผสมน้ำมันที่ผลิตออกมาสำหรับผู้ที่มีผิวมันโดยเฉพาะ
3. ชนิดอิมัลชั่น (Emulsion) ลักษณะเป็นของเหลวแต่ข้นกว่าโลชั่นแต่ไม่เหนียวหนืดเหมือนครีม มีส่วนผสมของน้ำมันจึงเหมาะสำหรับผิวธรรมดาและผิวแห้ง
4. ชนิดเจล (Gel) ส่วนประกอบหลัก คือ น้ำจึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน อีกทั้งเนื้อเจลที่บางเบายังก่อการระคายเคืองน้อยเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเช่นกัน
5. ชนิดซีรั่ม (Serum) ลักษณะเป็นน้ำ หรือน้ำมัน มีให้เลือกตามลักษณะผิว ซีรั่มจะซึมเข้าผิวได้เร็ว และบำรุงลึกกว่าชนิดอื่น หวังผลเพื่อการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพสูง
เมื่อเราทราบว่าผิวหน้าเราเป็นประเภทใดก็ควรเลือกใช้ครีมให้เหมาะสมกับสภาพผิว โดยจะมีคำแนะนำที่ฉลากผลิตภัณฑ์ว่าครีมนั้นเหมาะกับผิวชนิดใด นอกจากนี้ในส่วนของครีมเองยังแบ่งตามประสิทธิภาพของครีมซึ่งในปัจจุบันแบ่งเป็น
1. ครีมเพื่อการบำรุงผิว ฟื้นฟูสภาพผิวหลังผ่านการทำงานระหว่างวันเป็นครีมที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ส่วนประกอบหลัก คือ Moisturizer พบในรูปแบบ ครีม โลชั่น อิมัลชั่น เจล หรือซีรั่ม
2. ครีมเพื่อผิวขาวกระจ่างใส ครีมชนิดนี้พบมีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยในการขจัดเซลล์ผิวเก่า กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) เผยผิวใหม่ที่ขาวใสกว่าหรือโคเอ็นไซม์คิวเทน (Co-enzyme Q10) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปัจจุบันมีครีมเพื่อผิวขาวออกวางจำหน่ายจำนวนมาก ควรเลือกจากยี่ห้อที่เชื่อถือได้ ไม่มีส่วนผสมของสารปรอท
3. ครีมลดเลือนริ้วรอย เพื่อผิวเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ครีมชนิดนี้มีส่วนผสมของวิตามินอี (Vitamin E) วิตามินอีจะทำหน้าที่ดูดซับอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอย ทำให้เซลล์เสื่อมก่อนวัย
4. ครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านรังสียูวี (Ultraviolet) ครีมชนิดนี้ยังแยกออกเป็น 2 ประเภท
4.1 ครีมชนิดกายภาพ (Physical Screen) ชนิดนี้ก่อให้เกิดอาการแพ้น้อย เพราะคุณสมบัติของสารที่ผสมลงไปทำให้ครีมช่วยสะท้อนแสงแต่ไม่ทำปฏิกิริยากับผิว ส่วนผสมที่พบคือ ไททาเนียม ไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) หรือซิงค์ ออกไซด์ (Zinc oxide) ครีมผสมสารกันแดดชนิดนี้ป้องกันได้ทั้งยูวีเอ และยูวีบี
4.2 ครีมชนิดเคมี (Chemical Sunscreen) ครีมชนิดนี้จะทำหน้าที่ดูดซับรังสียูวี ก่อนจะเปลี่ยนรังสีให้อยู่ในรูปแบบอื่น ทำปฏิกิริยากับผิวจึงอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ส่วนประกอบหลักของครีมชนิดนี้ คือ ไดเบนโซอิลมีเทน (Dibenzoylmethane) ป้องกันยูวีเอ ออกซีเบนโซน (Oxybenzone) ป้องกันยูวีบี
เมื่อเราทราบแล้วว่าเรามีผิวประเภทใดก็อย่าลืมเลือกใช้ครีมทาผิวให้เหมาะกับสภาพผิว และผลที่ต้องการเพื่อให้ผิวหน้าได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงสุด เราจะได้มีผิวหน้าสวยใส อ่อนกว่าวัยให้อยู่กับเราไปนานๆ
แสดงความคิดเห็น